วันเสาร์ที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2555

จิบมาเล่า : 5 เมนูโค้ก...ไม่น่าเชื่อว่าจะทำ(และหม่ำ)ไปได้!!

1.เค้กรสโค้ก สูตร เชอร์รี่สแลนเดอร์!!
ขอเริ่มจากดีกรีเบา ๆ ที่น้ำโค้กผสมพันธุ์กับส่วนผสมอื่นๆ
แล้วดูยังน่าจะเข้ากั๊นเข้ากันได้ดี แบบไม่ Shock อารมณ์คนชิมเท่าไร
ขอเปิดม่านด้วยเมนูแรก นั่นคือ”เค้กรสโค้ก”!!!
เค้ก คือ ของหวาน ก็น่าจะ Match กับ น้ำโค้ก เพราะหวานเหมือนกัน!!
แต่เมนูนี้ท่าทางจะหวานแบบเบิ้ล กลัวไขมันรอบๆพุงจะถามหา
ว่าแล้วก็กำเนิด”คัพเค้กรสเชอร์รี่โค้กสูตรไดเอท”ซะเลย!!!!

เค้กสูตรนี้กำลังอินเทรนด์ในหมู่สาวแสนเก๋ตามหัวเมืองนิวยอร์ก
เพราะขนาดเค้กพอคำ ไม่มากไม่น้อยจนหลอนเรื่องน้ำหนักตัว
และที่สำคัญรสชาติเจิด แจ่ม ฉ่ำปลายลิ้นมั๊ก ๆ คะ
เพราะเป็นเค้กช็อกโกแลตที่มีกลิ่นเชอร์รี่จาง ๆ เข้ามาผสม!!

ขั้นตอนทำก็น่าทดลองทำอยู่ นำผงเค้กช็อกโกแลตสำเร็จรูป
ผสมกับไข่ขาว 2 ฟองเพื่อให้เนื้อเค้กนุ่มนวลน่าขยุ้มมากขึ้น
จากนั้นเทเชอร์รี่โค้กสูตรไอเอท(เสียดายที่ประเทศไทยไม่มีขาย)
ตีคนให้เข้ากันเป็นเนื้อเดียว ซึ่งข้อดีของคาร์บอเนตในโค้กทำให้แป้งฟูได้ใจ
เพียงเท่านี้ก็นำแป้งเค้กเทลองถ้วยเค้ก แล้วอบสักระยะ
เราก็จะได้คัพเค้กรสชาติโค้กสูตรเด็ดรับแขกบ้านแขกเมืองได้แล้ว
หากอยากเพิ่มความเก๋ให้มีมิติ ก็ประดับด้วยผลเชอร์รี่แช่เย็นให้ฉ่ำ
และอาจปักหน้าเค้กด้วยหลอดดูดงาม ๆ จุ๋มจิ๋ม ๆ เป็น Gimmick
ให้รู้ว่านี่แหละเค้กที่มาจากโค้ก ดูดดื่มแบบเต็มปากเต็มคำกันได้เลย-งั๊บๆ ๆ









2.โค้กทอด ของเด่นจากเท็กซัส!!!!
เมื่อไอเดียเจิด บวกกับ ลูกบ้ากล้าลองกล้าทำ
จึงกลายเป็นสุดยอดนวัตกรรมที่โลกทั้งใบต้องยกให้นายคนเดียว!!

นี่คือ”โค้กทอด”เมนูที่ไม่มีใครเคยคิด เพราะมันคิดไม่ถึง!!!
จากกลีบสมองพอง ๆ ของนาย อเบล กองซาเลส ชาวเท็กซัส แห่งสหรัฐอเมริกา
ขั้นตอนไม่ซับซ้อน แค่นำโค้กผสมกับแป้งคลุกเคล้าให้เป็นเนื้อเดียว
จากนั้นปั้นกลม ๆ แล้วนำลงไปทอดให้กรุบกรอบพอประมาณ
นำโค้กเม็ดงามขึ้นจากกระทะ บรรจงใส่แก้วใส ๆ
แล้วราดวิปครีม แต่งหน้าด้วยสตรอเบอร์รี่เป็นอันเสร็จเด็ดสะระตี่
รสชาติถูกการันตีจากปากต่อปากว่า “สุโค้ย สุโค้ย”!!!!
สำหรับราคาตกที่แก้วละ 4.50 เหรียญดอลลาร์ หรือประมาณ 130 บาท!!

และในอนาคตเตรียมเข็นโปรเจ็กส์ใหม่ นำโค้กซีโร่ มาปั้นแล้วทอด
หวังเป็นเมนูเด็ดพิชิตใจหนุ่มสาวอยากเอร็ด และอยากสเลนเดอร์ไปในตัว!!








3.ข้าวอบโค้ก เมนูเด็ดประเทศโคลัมเบีย!!!
แทบไม่เชื่อหูว่า….
นี่คืออาหารเกือบประจำถิ่นของชาวชายฝั่งโคลอมเบีย
จัดได้ว่าหากินง่ายตามตรอกซอกซอยประหนึ่งส้มตำบ้านเรายังไงยังงั้น
เพราะคนที่นี้คลั่งไคล้ในรสชาติโค้กอย่างแรง!!!!
ต้องยอมรับการ MIX and MATCH ขั้นเทพจับโค้กมาปรุงเป็นเมนูเด็ดได้อยู่หมัด
ตั้งแต่อาหารคาว ยันอาหารหวานอย่างกล้วยคาราเมลในน้ำเชื่อมโค้กก็เริ่ด!!

วิธีทำก็แสนง่ายแต่จะฮ้อเจี๊ยะเท่าฝีมือชาวโคลัมเบียหรือเปล่าจะลองทำ
เริ่มจากรินน้ำมันมะกอกในกระทะและตั้งไฟให้ร้อนประมาณ 1 นาที
เทข้าวหอมลงประมาณ 2 ถ้วย คลุกเคล้ากับน้ำมันมาอีก 2 นาที
จากนั้นนำน้ำโค้กประมาณ 2 ขวดไซส์เล็กเทลงในกระทะ เติมเกลือหยิบมือ
เมื่อน้ำโค้กเดือด ลดระดับไฟเป็นปานกลางสักนิด
รอสักพักข้าวก็จะสุก สีสันเฉดน้ำตาลสวยงามน่าชวนชิม!!!
เพิ่มความมันส์ด้วยถั่วแอลมอนด์ และใส่ความเปรี้ยวด้วยเม็ดลูกเกด
เพียงเท่านี้เราก็จะได้เมนูข้าวพันธุ์โค้ก เด็ดสะระตี่จนต้องน้ำลายหย๋าย!!









4.ก๋วยเตี๋ยวน้ำโค้ก หวานนุ่มชุ่มลิ้น!!
ก่อนหน้านี้….
“จิบชิมดื่ม”พาไปรู้จักมักจี่กับ”โค้กทอด”เมนูล้ำจากรัฐเท็กซัส
ขออีกหนึ่งเมนูชวนอึ้งเพราะนึกไม่ถึงว่าน้ำโค้กจะทำได้ลงตัว
นั่นคือ “ก๊วยเตี๋ยวน้ำโค้ก” เจิดกว่าโค้กทอดเพราะเป็นไอเดียจากคนไทย!!!!
นี่ไม่ใช่การสั่ง ก๊วยเตี๋ยว ชาม  กับ น้ำโค้ก แก้ว แบบพื้น ๆ นะคะ
แต่เป็นการนำน้ำโค้ก(หรือเป๊ปซี่ก็ได้) ผสมผสานลงไปในเนื้อไก่ เนื้อหมู
วิธีทำ เริ่มจากนำเนื้อสัตว์ที่เตรียมไว้ เทใส่ในหม้อที่มีน้ำโค้กเดือดปุด ๆ
จากนั้นใส่กระเทียม พริกไท รากผักชี ป็ยกัก อบเชย และเกลือที่ตำให้แหลก
เคี่ยวเข็ญให้น้ำงวดประมาณ 1 ชม. เติมโค้กและผงโกโก้(เพื่อสีสันและความหอม)
เท่านี้เราก็จะได้ เนื้อหมู หรือไก่จะนุ่มนวล ๆ หวานฉ่ำปาก จากน้ำโค้กต้มนี่แหละ
 ขอบอกสูตรนี้ไม่ต้องใส่น้ำตาลก้อน หรือน้ำตาลกรวดอีก เพราะรสชาติหวานโบ๊ะแล้ว!!

แต่ถ้าเพื่อน ๆ ขี้เกียจเข้าครัวลองผิดลองถูก ก็มุ่งหน้าไปชิม เจ้าต้นตำรับได้
มีที่จังหวัดน่าน ใกล้โรงเรียนศรีเวียงสาวิทยาคาร
มีที่จังหวัดเชียงใหม่ ตรงข้ามโรงแรมอิมพีเรียลแม่ริม

ไกลกรุงเทพทั้งนั้น…..
แต่หากเพื่อน ๆ เคยชิมใกล้ ๆ กรุงแชร์บอกกันนะคะ









5.ขาหมูตุ๋นโค้ก เต็มทีไม่ต้องแคร์พุงพลุ้ย!!
ปิดท้ายด้วยเมนูโค้กเอาแบบสะใจไขมันกันไปเลย
เพราะนี่คือ”ข้าวขาหมูตุ๋นโค้ก”สูตรสุดยอดจากครัวหมูแดง!!
รสชาติไม่ต้องพรรณนาให้เมื่อยปาก เพราะหวาน มันส์ เค็ม ข้นแบบเข้าเนื้อ
เมื่อเจอะกับเนื้อและหนังเปื่อยยุ่ย แทบละลายในอุ้งปากต้องร้องโอ้วพระเจ้า!!

วิธีทำคลับคล้ายกับเมนูก๊วยเตี๋ยวสูตรโค้ก คือ นำเนื้อมาต้มโค้กจนเกือบเคี่ยว
แต่ก็แตกต่างในรายละเอียดบางอย่างที่ทำให้”ขาหมู”รสโอชาเกินบรรยาย

เริ่มจากขาหมู เลือกขาอวบอูมเนื้อแน่น ๆ นั่นแหละดี
ต้มขาหมูรวมกับกระเทียม พริกไทย โป๊ยกั๊ก อบเชยจะได้กลิ่นหอมพะโล้
จากนั้นเทน้ำโค้ก(หรือโคล่ายี่ห้อใดก็ได้) ไซส์ประมาณ 2 ลิตร
แต่หากไม่อยากหวานล้ำเกิน ก็ลดปริมาณโค้กลงสักหน่อยก็ไม่เป็นไร
เทลงหม้อให้ท่วมขาหมู ซึ่งโค้กนี่แหละจะทำให้ขาหมูเปื่อยและหวานฉ่ำปาก
เปิดไฟแรงจนเดือด จากหรี่ไฟและเคี่ยวประมาณ  1 ชั่วโมง
จากนั้นเติมผงโกโก้  1 ช้อนพูนเพิ่มสีสัน ความหอมโดยไม่ต้องพึ่งซีอิ้ว
ชิมรสชาติสักนิด….หากขาดรสเค็มเติมเกลืออีกหยิบมือ
เคี่ยวต่อไปอีก 1 ชั่วโมงด้วยไฟอ่อน ๆ จนขาหมูเปื่อยแล้วรอกินวันรุ่งขึ้น

เพียงแค่นี้ เราก็จะได้เมนู”ขาหมูตุ๋นโค้ก” นุ่ม ๆ นวล ๆ ชวนหม่ำ
ถ้าอยากให้ครบเครื่อง เติมไข่ต้มสักฟอง 2 ฟอง ก็ PERFECTคะ!!





จริง ๆ น้ำดำโค้กหรือโคลายี่ห้ออื่น ๆ ก็สามารถครีเอทเมนูเด็ด ๆ ได้อีกแยะ
เช่น ปีกไก่อบโค้ก ,ซุปลิ้นวัวรสโค้ก หรือแม้แต่ไส้กรอกสอดไส้โค้ก
ทั้งหมดต้องอาศัยพลังสมอง คิด บวก ลูกบ้า และต้องกล้าหม่ำฝีมือตัวเอง!!



CREDIT PIXX No.5 by หมูแดง
รวบรวมและปรุงแต่งรสชาติข้อมูล BY จิบชิมดื่ม ณ.ไทยแลนด์



วันอาทิตย์ที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2555

จิบมาเล่า : 10 น้ำมังกร... จิบ รับ ปี ทอง!!

จิบมาเล่า : 10 น้ำมังกร...จิบ รับ ปี ทอง!!


24 ชั่วโมงเฉลิมฉลองรับปีมังกรทอง
กับ 10 น้ำพันธุ์มังกรเพิ่มความคะนองโชค คะนองลาภ และ เฮง เฮง เฮง


07.00 น.
1.จิบ กาแฟ พันธุ์มังกรดึกดำบรรพ์ !!
ประเดิมวันแห่งโชคดีด้วยมังกรพันธุ์แรกที่อยากท้าให้ลองจิบชิมดื่ม
นั่นคือ Komodo Dragon Blend เป็นเมล็ดกาแฟสุดพิเศษจาก Starbucks
แม้เจ้าโคโมโดสัตว์ดึกดำบรรพ์จากเกาะอินโดนีเซียหน้าตาจะดูไม่เป็นมิตร
แต่สำหรับคอกาแฟต้องรีบผูกมิตรกับรสสัมผัสนี้ให้จงได้
เพราะมังกรพันธุ์นี้มีกลิ่นไอของธรรมชาติที่แตกต่างจากกาแฟทั่วไป
หอมเจือกลิ่นสมุนไพร โดยเฉพาะกลิ่นอบเชยอ่อน ๆ
รสชาติหนักแน่น ล้ำลึก แต่ก้อแอบหวานมันในตัว!!!
เหมาะอย่างยิ่งจะจิบคู่กับขนมเค้กหวาน ๆ อย่างซินนามอน โรล หรือเค้กช็อกโกแลต
ซึ่งในประเทศญี่ปุ่นถึงขั้นพัฒนาช็อกโกแลตบาร์เพื่อกาแฟโคโมโดเป็นการเฉพาะ!!
สำหรับประเทศไทย Komodo dragao Blend จากสตาร์บัคส์ขายที่ 495 บาทต่อถุง








07.10 น.
2.แลลายมังกร บนฟองกาแฟ!!
หากอยากละเลียดรสชาติกาแฟนุ่ม ๆ เข้าถึงอารมณ์มังกรนิด ๆ
ขอแนะนำ LATTE ART วาดลวดลายมังกรคะนองโชคคะ
ซึ่งแล้วแต่อิทธิฤทธิ์ของบาริสต้าจะเสกมังกรในเวอร์ชั่นไหนบนฟองนม
จะมังกรยิ้ม มังกรคิคุ หรือมังกรพ่นไฟให้ดูน่าเกรงขามได้ทั้งนั้น!!
นอกจาก Chill กาแฟอุ่น ๆ เรายังได้จ้องหน้ามังกรในระยะประชิดอีกด้วย








11.00 น.
3.จิบ ชาล้ำค่า ไข่มุกแห่งมังกร
นี่คือชาสุดพิเศษสำหรับปีมงคล
จัดเป็นไข่มุกแห่งพันธุ์มังกรที่เราสามารถจิบได้ทุกเวลาที่ต้องการ
ที่มาและกระบวนการรังสรรค์ชาไข่มุกมังกรต้องใช้ความประณีต
นั่นคือ บรรจงห่อใบชามะลิ (หรือใบชาเขียวก็ได้) ให้เป็นก้อนกลมแล้วตากแห้ง

และเมื่อเรานึกต้องการผ่อนคลายอารมณ์ก็นำเม็ดชาไข่มุกมังกรแช่น้ำอุ่น ๆ
รอเวลาสักพัก ใบชาจะคลี่คลาย และ เผยกลิ่นหอมเฉกเช่นอโรมาชั้นดี
รสชาตินุ่มนวล ลื่นคอ ดุจดังมังกรได้ไหลผ่านตัวของเรายังไงยังงั้น!!
แต่อยากให้รสชาติกลมกล่อมเป็นดับเบิ้ล เติมน้ำผึ้งสักหยดจะเยี่ยมมาก  
นอกจากน้ำชาจะช่วยเพิ่มความสดชื่นระรื่นใจในยามสายแล้ว
ยังช่วยย่อยสลายไขมัน ลดคลอเรสรอลได้เป็นอย่างดี
ให้สรีระของเพื่อน ๆ พลิ้วไหวประหนึ่งพญามังกรเหิรบนดินเลยทีเดียว!





13.00 น.
4.จิบ มังกรชูกำลัง!!
ไม่มีเครื่องดื่มชนิดไหนเหมาะกับพลังมังกรเท่ากับน้ำชูกำลัง
เพราะมังกรเป็นสัตว์ใหญ่ มีฤทธิ์คึกคะนองมากมาย
จึงไม่แปลกบรรดาเครื่องดื่มชูกำลังจะหมายมั่นปั้นมังกร
ให้กลายเป็นชื่อยี่ห้อเพื่อการันตี ซดแล้วกลายเป็นคนพันธุ์มังกร!!
เช่นเดียวกับ Wild Dragon เครื่องดื่มชูกำลังยี่ห้อดังจากออสเตรีย
วางตัวเองเป็นน้ำอัศจรรย์ปลุกสัญชาติญาณมังกรในตัวให้ตื่นขึ้น
ความฮอตฮิตของแบรนด์นี้สูสีบี้ RED BULL แทบทุกย่างก้าว
เป็นเครื่องดื่มสุด Cool ที่ชาวนิวยอร์กเกอร์หลงไหลมั๊ก ๆ
เพราะรสชาติสุดไฮเปอร์ ไม่ว่าผสมกับเครื่องดื่มอะไรก็ปรี๊ดปร๊าดเสมอ
หากตี๋หมวยอยากคึกไม่ยั้งรับปีมังกรทองต้องลอง Wild dragon
แล้วจะรู้ว่าพลังอึด พลังฮึด ที่แอบซุกซ่อนในตัวมีเหลือเฟือเพียงไร!










15.00 น.
5.จิบ แก้วมังกรปั่น...ดูดดื่มรับโชค!
ลูกแก้วมังกร ถือเป็นสิ่งมงคลแก้เรื่องร้ายให้กลายเป็นดี
หากอยากให้ชีวิตหลังปีใหม่(จีน)รุ่งเรือง โชคชะตาพุ่งพรวด
ลองจับผลไม้ชื่อมงคลอย่าง”แก้วมังกร”มาทำเป็นเครื่องดื่มสุดเก๋ดูสิคะ
สูตรที่ว่าเป็นสมูธตี้  นำแก้วมังกรเนื้อขาวปั่นรวมกับกล้วย นม และโยเกิร์ต
ซึ่งจะได้รสชาติหวานมันส์กำลังดี  หอมกลิ่นกล้วยจาง ๆ ชวนน้ำลายไหล
เสิร์ฟใส่ในผลแก้วมังกรเลยคะ วางใบมิ้นต์สักใบสองใบแค่นี้ก็ดูดีมีชาติตระกูล
นอกจากจะมีประโยชน์ทั้งลดเบาหวาน ความดันโลหิต และลดความอ้วน
ยังเป็นเคล็ดรับปีใหม่ให้ชื่นฉ่ำ….
เสมือนดูดดื่มสิ่งดี ๆ จากเนื้อในพันธุ์มังกรเข้าสู่ตัวเราอีกด้วย!!









16.30 น.
6. จิบ เลือดมังกรสีบริสุทธิ์!!
แต่หากอยากจิบแก้วมังกรแบบติดเรต 20+
ขอแนะนำวอดก้ายี่ห้อ SKYY จากสหรัฐอเมริกา
เพราะกล้านำแก้วมังกรผลไม้สุดเร้นลับ(ในสายตาฝรั่ง)
มากลั่นเป็นวอดก้าใส บริสุทธิ์ เป็นเจ้าแรกของโลก!!!
แม้รสชาติเพียว ๆ จะออกไปทางผลไม้ตระกูลเบอร์รี่มากกว่า
และมีกลิ่นเครื่องเทศปะปนนิด ๆ เหมือนชีวิตต้องมีอารมณ์ซี๊ดซ๊าดกันบ้าง

เหมาะสุด ๆ ที่จะนำมา MIX เป็นค็อกเทล หรือพันซ์สีแดงแรงฤทธิ์
เพิ่อฉลองรับปีใหม่ ให้ชีวิตมีแต่ความเฮง  เฮง และ เฮง!
ปล.มี 3 ขนาด คือ 50 มล.,750มล,และ 1 ลิตร









19.00 น.
7. จิบ ชิล ๆ กับ น้ำพันซ์เลือดมังกร
อยากชิล ๆ สักนิดลองจิบ Dragon’s Blood Punch สิคะ
วิธีทำก็แสนง่าย นำวอดก้า ขนาด 750 มล.1ขวด
ผสมเหล้ารสส้ม ½ ถ้วย ตามด้วย Ginger ale 2 ลิตร
และ น้ำทับทิม ,น้ำแอปเปิ้ล และน้ำแครนเบอร์รี่อย่างละ 6 ถ้วย
เมื่อผสมทุกอย่างเข้ากันดีสีสันจะแดงกล่ำ พร้อมเสริฟ์ในทันที
อาจใส่น้ำแข็งรูปทรงเก๋ ๆ เป็นเงินก้อน ทองก้อนลอยละล่องในแก้วก็เริ่ดคะ








21.00 น.
8. จิบ นมมังกร กลิ่นหอมชวนเมา!!
ชื่อยี่ห้อเหมือนแอ๊บแบ๊วว่าเป็นนมพร้อมดื่ม
แต่ตัวตนของ Dragon Milk คือเบียร์ระดับ TOP ของสหรัฐอเมริกา
หากไปเหยียบเมืองลุงแซมแล้วไม่ได้ซดมังกรพันธุ์นี้ถือว่าไม่เจ๋งจริง
ด้วยดีกรีสูงเฉียด 10% ทำให้ได้รสชาติหนักแน่น
ส่วนระดับความหอมให้เต็ม10 เพราะเต็มไปด้วยกลิ่นวนิลลา คาราเมล ช็อกโกแลต
ขั้นตอนการหมักก็ประณีตไม่ต่างอะไรกับวิสกี้เกรด A
เพราะใช้ข้าวมอลต์ คั่วให้หอมแล้วหมักบ่มในถังไม้โอ๊ต
จนมีคอทองแดงบางกลุ่มจัด Dragon Beer เป็น Whisky มีฟองโฟม!!
บางคนหลังจิบปั๊บ นึกถึงเหล้ายี่ห้อ Jack Danail ขึ้นมาทันทีก็มี
เพราะความหอมแรง ๆ ของกลิ่นไม้โอ๊ตในสไตส์เหล้าเบอร์เบิ้นอเมริกันนั่นเอง
อย่าลืมตามล่ามังกรดำตัวนี้มาจิบให้คึกคักก่อนผ่านพ้นปีใหม่จีนกันะคะ!!








23.00 น.
9.จิบ คอนยักระดับเทพมังกร

แม้คนไทยยุคใหม่จะไม่คุ้นเคยกับ”เหล้าคอนยัก(Cognac)ซึ่งเป็นบรั่นดีประเภทหนึ่ง
แต่หากวัย 40 อัพต้อง Say Yes กับสุดยอดคอนยักยี่ห้อ”เรมี่ มาแตง” แน่นอน
สำหรับปีมังกรทองอร้าอร่ามอยากให้ลอง”เรมี่ มาแตง”รุ่น Dragon Rouge
เป็นสุดยอดคอนยักระดับเทพ ในโลก มีเพียง 120 ขวด
เพราะฉะนั้นราคาแพงระยับอยู่ที่ 3600 เหรียญสหรัฐ!!!
ความพิเศษสุดนอกจากรสชาติเสมือนดื่มด่ำในห้วงสวรรค์แล้ว
ยังเก๋กู๊ดที่ดีไซน์เป็นขวดแก้วคริสตัลใสเป็นช่องโค้ง
ซึ่งมีความหมายลึกซึ้งเป็นซุ้มประตูแห่งมังกรโชคลาภ!!
ประหนึ่งว่าทุกครั้งที่จิบเท่ากับก้าวพ้นไปสู่สุขาวดี ดินแดนแห่งสุขนิรันดร์นั้นเอง







00.01 น.
10. จิบค็อกเทล มังกร กระชาก วิญญาณ!!

ปิดท้ายมังกรตัวที่ 10 ด้วย Spirit Dragon Cocktail

จัดเป็นค็อกเทลสีสันชวนลุ่มหลงให้เคลิบเคลิ้ม
แต่ดีกรีความแรงของมังกรตัวนี้อาจทำลมหายใจเพื่อน ๆ ร้อนเป็นไฟ
เพราะส่วนผสมของดริ๊งค์นี้มี ABSINTHE เหล้าต้องห้ามในบางประเทศ
ซึ่งสกัดจากสมุนไพรหลายชนิด แต่คอเหล้ารู้จักกันดีคือไม้ WormWood
ในอดีต ABSINTHE ทำหน้าที่เป็นยาสะกดจิตถึงขั้นให้ประสาทหลอนไปเลย!!
( เอาไว้”จิบชิมดื่ม”จะมาขยายความเครื่องดื่มชื่อนี้แบบเต็ม ๆ อีกครั้งนะคะ)
เลือก ABSINTHE ยี่ห้อ LUCID โลโก้เป็นตาแมวบนขวดดำ รสชาติดีสุด
จากนั้นผสมกับเหล้าญี่ปุ่นชื่อ”MIDORI MELON ”สีเขียวกลิ่นหอม
เขย่ากับโซดามะนาว และน้ำสัปประรด จะได้ค็อกเทลสีเขียวแบบสนธยา
ก่อนเสริฟ์หยดน้ำเชื่อมกลิ่นทับทิม 2-3 หยดเพื่อเพิ่มความหวานละมุน
และที่สำคัญสีแดงของน้ำทับทิมจะเสมือนเป็นวิญญาณมังกรล่องลอยในแก้วค็อกเทล
เป็นเครื่องดื่มที่สามารถกระชากวิญญาณคน และ ปลุกตัวตนมังกรอย่างแท้จริง!!




รวบรวม & ปรุงแต่งรสชาติข้อมูล BY จิบชิมดื่ม ณ.ไทยแลนด์