แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ น้ำอัดลม แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ น้ำอัดลม แสดงบทความทั้งหมด

วันพุธที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2555

จิบดีไซน์ : โค้ก…ดีไซน์ KARL!!

จิบดีไซน์ : โค้ก…ดีไซน์ KARL!!


ก่อนอื่น ขอกำลังใจด้วยการกดเป็นเพื่อนกับ จิบชิมดื่ม ณ.ไทยแลนด์
PAGE เครื่องดื่มที่ดีที่สุดในประเทศไทย
เพราะที่นั่นจะ UPDATE ไอเดียเครื่องใหม่กว่า สดกว่านี้
เราสัญญาจะสรรหาเรื่องดี ๆ มานำเสนออย่างต่อเนื่อง
ขอแรงเพื่อน ๆ ช่วย ADD FRIEND ด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ

“Karl Lagerfeld ”ดีไซเนอร์ชื่อก้องชาวเยอรมัน
ผู้ปลุกกระแส “Chanel” แบรนด์กูตูร์ให้กระฉ่อนโลก
จากนั้นก็เขย่าแบรนด์แฟชั่น

ให้เลืองลือ ทั้ง “Fendi ”,
“H&M” , “ Jean Patou”  และ  ล่าสุด คือ “Hogan”
วันนี้นึกคึกอยากดีไซน์ขวดน้ำอัดลมให้เปรี้ยวเข็ดฟัน
จึงเนรมิตขวดโค้กไดเอตใหม่เ
อี่ยม สะดุดตาคนทั้งโลก

โค้กพิเศษรุ่นนี้..... 
ดีไซน์ 3 ขวด 3 สไตส์ ใช้สีชมพู&ขาวเป็นหลัก
แต่ละลายมาจากไอดอลบันดาลใจ
ของKarl ล้วน ๆ
ทั้งลายจุดสีเทาแวววาว มาจาก “BERNADETTE”
ลายเส้นสีชมพูบิดเป็นเกลียว
 มาจาก “ ELEANOR”
ลายดาวประกายแสงบนขวดขาว มาจาก “ IRENE ”
และสำคัญสุด…..
ทั้ง 3 ขวดมีเงาของเฮีย Karl ยืนเก๋ๆเสมือนลายเซ็น!




Diet Coke รุ่นกระตุกใจเหล่าแฟชั่นนิส
ต้านี้
เป็นขวดอะลูมิเนียม บอกได้คำเดียว “เดิ้น” สุดๆ
วางขายในสหรัฐแล้ว และ ล่าสุด คือ ขาดตลาด
ถ้าอยากได้ ณ.วินาทีนี้   ต้องคลิ๊กไปที่ E - BAY
ราคาสูงลิ่ว 3 ขวดครบเซ็ต ในราคา 50 เหรียญ+ !!











รวบรวม & ปรุงแต่งรสชาติข้อมูล BY จิบชิมดื่ม ณ.ไทยแลนด์



วันเสาร์ที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

จิบอดีต : จำได้มั้ย…แผ่นยางฝาน้ำอัดลม??


จำได้มั้ยแผ่นยางฝาน้ำอัดลม??

ก่อนอื่น ขอกำลังใจ ด้วยการกดเป็นเพื่อนกับ “จิบชิมดื่ม ณ.ไทยแลนด์”
คาดว่าเป็น Page เครื่องดื่มที่ดีที่สุดในสยามประเทศ
แล้วเราจะสรรหาเรื่องดี ๆ มานำเสนออย่างต่อเนื่อง
ขอแรงเพื่อน ๆ ช่วย add friend ด้วยนะคะ
อยากให้อ่านไอเดียเครื่องดื่มดี ๆ เยอะ ๆ ขอบคุณคะ


ย้อนไปไกลเกือบ 30 ปี
ยางใต้ฝาน้ำอัดลมคือของสะสมสุดล้ำค่า
ตั้งแต่ลูกเด็กเล็กแดง จนถึงวัยใกล้ฝั่งต้องมีโชว์
ไอ้ยางขาว ๆ ใต้ฝาจีบนี่แหล่ะคะ
สมัยก่อนพิมพ์สีสัน มีลวดลายเป็นซี่รี่ส์ ๆ
น้ำส้มยี่ห้อซันเครส และ ไบเล่ คือ จ่าฝูง
นำเทรนด์ให้คนไทยเริ่มสะสมแผ่นยางใต้ฝา
ช่วงแรกพิมพ์สีเดียว มีลายแมน ๆ ให้ค้นหา
เช่น ภาพเครื่องบิน,เรือรบ ,รถถัง,ปืนใหญ่
ต่อมาก็มีอีกหลายยี่ห้อเกาะกระแสยางใต้ฝา
เพิ่มเป็น 4 สี ดูดใจเหล่าสหายให้สะสมมากขึ้น
มีรูปธงชาติ ,ซุปตาร์นักบอลโลก แม้แต่วัดวาอาราม!!





แต่โด่งดังสุดพลัง คือ ฝายางยี่ห้อ “โค้ก
สะสมครบ 8 ท่า แลกรับโยโย่รุ่นสีขาวได้ 1 อัน
จำได้ว่าช่วงนั้นล้วงแคะแกะฝาจนมือแทบหงิก!!
วิธีแคะก็สุดแสนลำบาก…..
ออกแรงมากเกิน แผ่นยางก็ขาดกระจุย
แคะไม่ดี มีสิทธิ์ฝาบาดเลือดอาบมือ!!!






ต่อมายางใต้ฝาในยุค “แฟนต้าขวดละ5 บาท ”
ก็กลายเป็น “เป่ากบ” กิจกกรรมสุดเกรียนของเด็กประถม
เป่ายางเราทับยางเพื่อน  ก็กินยางใต้ฝาเป็นของเรา!!
คล้าย ๆ กับเขี่ยรูปลอก หรือเป่าสติกเกอร์อะไรอย่างงี้!
มีลวดลายการ์ตูนขั้นเทพ อย่างดรากอนบอล ,เซนต์เซย่า






ส่วนสาเหตุที่ยางใต้ฝาน้ำอัดลมเสื่อมหาย
บางก็ว่าต้นทุนสูงเกินไป เริ่มไม่คุ้มที่จะผลิต
หรือข่าวลือหนาหู เรื่องสีที่ใช้พิมพ์อันตราย
ยิ่งอากาศร้อน ยางหดตัว สีอาจละลายลงในน้ำ!!
แต่อย่างไรก็ตาม……..
ยางใต้ฝาก็เป็นของสะสมที่ชวนนึกถึงอดีต
อดีตที่ผ่านไปแล้ว ผ่านเลย เหลือแต่สุขให้ได้นึกถึง



CRETDIT PIXX : DVDGAMEONLINE.COM, ลูกอีช่างเก็บ 80 
รวบรวม & ปรุงแต่งรสชาติข้อมูล BY จิบชิมดื่ม ณ.ไทยแลนด์

วันศุกร์ที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2554

จิบอดีต : คิดถึงน้ำอัดลม...ขวดเขียวเขียว!(1)

จิบอดีต : คิดถึงน้ำอัดลม...ขวดเขียวเขียว!

1.คิกคาปู้ : เขียวเดียวในดวงใจ!
ทุกครั้งที่ละครช่อง 7 จบ
เสียงอินเดียนแดงร้อง"โฮ..ฮี๊...โฮ..คิกคาปู้"จะแผดดังสนั่นจอเสมอ
นี่คือโฆษณา คิกคาปู้สุดยอดยี่ห้อน้ำอัดลมแห่งสยามประเทศ
ขวดเขียว น้ำสีเหลืองคล้ายเครื่องดื่มเกลือแร่ แต่รสชาติออกเปรี้ยวซ่า(คล้ายเมาเทนดิว)

คิกคาปู้เป็นน้ำอัดลมของชาวมะกัน 100 % ชื่อเต็มว่า “Kickapoo Joy Juice ”กำเนิดในปี 1965 หรือกว่า 46 ปี
นำเข้าสู่ Thailand โดยห้างหุ้นส่วน เกี่ยวฮั่ว จำกัด ก่อนจะเลิกราแล้วหันหลังผลิตแลคตาซอยแทน
แม้จะห่างหายไปจากประเทศไทยแต่สำหรับใครบางคนคงเก็บความจำทรงจำผ่านปลายลิ้นตลอดไป

มามะ..มาดูเนื้อเพลงโฆษณา"คิกกาปู้"กัน
"ป้ากับปู่รักปูกับปิ๊ก...ปูกับปิ๊กชอบคิกคาปู้
ป้ากับปู่รู้ใจปิ๊กปู...ซื้อคิกคาปู้ให้ปูกับปิ๊ก
ป้ากับปู่...ปูกับปิ๊ก...หัวเราะคิกๆ...ดื่มคิกคาปู้"



2.เมลโล เยลโล...น้ำซ่ากลิ่นลิ้จี่ที่คิดถึง!
เมลโล่ เยลโล่ไม่ใช่ผับสุดฮิปย่าน RCA
แต่คือ ยี่ห้อน้ำอัดลมในความทรงจำของใครหลายคน
"เมลโล่"  คือน้ำอัดลมขวดเขียวเหมือน "สไปร์ท" 
แต่ตัวน้ำมีสีเหลืองอ่อนๆคล้ายยี่ห้อ  "เมาเท่นดิว"
เมลโล เยลโล เป็นน้ำซ่าสัญชาติอเมริกา และ มีอายุอานามเกือบ 32 ปี
เปิดตัวในแผ่นดินสยามโดย บริษัท ไทยน้ำทิพย์ ผู้จัดจำหน่ายน้ำยี่ห้อโค้ก
ภายใต้สโลแกน ณ.จุดนั้น กระทั่งวันนั้นว่า"คล่องคอ ชื่นใจ เมลโล เยลโล"


จากนั้น "เมลโล่" ก็ลองเขย่าตลาดด้วยรสชาติใหม่นั่นคือรส ลิ้นจี่
ปรับเปลี่ยนสโลแกนเป็น "หวานซ่อนเปรี้ยว"เอาอกเอาใจกลุ่มเป้าหมายผู้หญิง
ซึ่ง "เมลโล่ ลิ้นจี่" มีกลิ่นหอม และรสชาติซ่าชื่นใจจนต้องยกจอกขอคาราวะ
จนกระทั่งในปี 2539 ไทยน้ำทิพย์(บริษัทเดียวกัน)ออกแฟนต้ารสลิ้นจี่มาตีตลาด
กระทบชิง"เมลโล เยลโล"เต็มแรงและเป็นจุดเปลี่ยนที่เมลโลค่อยๆแผ่วหายตามกาลเวลา!


แม้"เมลโล เยลโล"จะดับสนิทในเมืองไทย แต่สำหรับอเมริกานี่คือดริ๊งค์ที่ HOT สุดๆ
และ เมื่อปีที่แล้ว"เมลโล" ขอปรับเปลี่ยนโลโก้ให้ร้อนแรงยิ่งขึ้นเอาใจวัยโจ๋




3.จำได้มั้ย...น้ำอัดลมยี่ห้อ"เมาเท่นดิว"??
เมาเท่นดิว (Mountain Dew) ...... 
คือ น้ำอัดลมสายพันธุ์อเมริกา 100%  ถือกำเนิดให้ชาวโลกลิ้มรสตั้งแต่ปี1948 
เป็นหนึ่งในครอบครัวของน้ำดำยี่ห้อ PEPSI ซึ่งคอยประคอง และ หนุนหลังให้โด่งดัง
ข้ามฟ้ามาที่เมืองไทย  "น้ำดิว"  เป็นเครื่องดื่มที่ very very cool สุดพลังค่ะ 
มีขวดเป็นสีเขียว ตัวน้ำสีเหลืองใส รสเปรี้ยวซ่าส์แบบชิลล์ๆ  จิบแล้วสดชื่นลืมเหนื่อย


ใครในยุคนั้นต้องจดจำ & ฮัมเพลงโฆษณาชวน DRINK นี้ได้
แม้จะโคตรเชยในยุคนี้แต่สุด TREND เมื่อ 20 ปีที่แล้วอย่างแน่นอน
ธรรมชาติ ชื่นฉ่ำ
ดื่มด่ำ กับ เมาเทนดิว
กลิ่นและรส เริงใจ ได้ ทุกบรรยากาศ
สู่ธรรมชาติ กับ เมาเทนดิว....
แต่ด้วยรสชาติยังไม่เข้าปากคนไทย บ้างก็ว่าไม่ซาบซ่า บ้างก็ว่าจืดเกินไป!!!
ทำให้ "น้ำดิวค่อย ๆ โบกมือลา & หายไปอย่างเชื่องช้ามาแล้วเกือบ 10 ปี



แต่ที่เรายังเห็น "น้ำดิววางหราขายเป็นแห่งๆ ล้วนมาจากการนำเข้าทั้งนั้น
เช่น Villa Market อิมพอร์ตจากอเมริกาขายกระป๋องละ  48  บาท(ราคาหนักอยู่)
หรือร้าน Akiko ส่งตรงจากมาเลย์กระป๋องละ 27 บาท ซึ่งรสชาติจะเข้มกว่าของเมกา


แม้"เมาเท่นดิวจะเชยสิ้นดีในสายตาคนไทย แต่สำหรับอเมริกา"เท่ระเบิด"สุดๆ
ทั้งรสชาติที่พัฒนาสู่ขั้นสุดยอด เพราะมันช่างซาบซ่าอย่างเข้มข้น 
ส่วนการดีไซน์ฉลาก หรือ  สัญลักษณ์โลโก้ก็ล้ำหน้าทะลุมิติมั๊กๆ  
และที่นั้น "เมาเท่นดิว" ถูกเรียกว่าให้สั้นและเท่ ว่า "MTN DEW"
ซึ่งไม่ได้มีแค่น้ำอัดลมเท่านั้นแต่ยังขยายสู่ SODA และ น้ำชูกำลัง
ล่าสุดออกรสองุ่น และ สูตร Adrenaline Mountain Dew  สำหรับเติมความคะนองให้หัวใจ!!


รวบรวมและปรุงแต่งรสชาติข้อมูล BY MADAM DRANK



วันพฤหัสบดีที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

จิบเล็กจิบน้อย : น้ำอัดลมรสไหน...ดูดแล้วอ้วน (1)

จิบเล็กจิบน้อย : น้ำอัดลมรสไหน...ดูดแล้วอ้วน (1)

ขอเจาะน้ำอัดลมค่ายไทยน้ำทิพย์ก่อนนะ
ค่ายนี้ประกาศชัดมีส่วนประกอบหลักนอกเหนือจาก"น้ำ"  นั่นคือ "น้ำตาล"!!!
อ้วนน้อยสุด      คือ โค้ก               มีน้ำตาล   10%


อ้วนปานกลาง  คือ แฟนต้า ส้ม     มีน้ำตาล   13%



และอ้วนระเบิด มี 3 รส คือ แฟนต้าแดง แฟนต้าเขียว และ   สไปร์ท  มีน้ำตาลถึง  14%



รวมรวม & ปรุงแต่งรสชาติข้อมูล BY MADAME DRANK


วันศุกร์ที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

จิบซิงซิง : น้ำแอปเปิ้ลซ่า ZEARCH FIZZY

จิบซิงซิง : น้ำแอปเปิ้ลซ่า ZEARCH FIZZY

กลยุทธ์ผลิตภัณฑ์ :  3.5 / 5 คะแนน
นี่คือ น้ำแอปเปิ้ล 40 % อัดก๊าซเพิ่มความซาบซ่า
ไม่ใช่มีแค่กลิ่นแบบฉาบฉวย แต่นี่คือน้ำอัดลมรสผลไม้  ซึ่งเป็นจุดขายที่แข็งแร็งของน้ำยี่ห้อนี้
แม้ว่าน้ำแอปเปิ้ลจะสีทองอ่อนๆ  ชวนให้เข้าใจผิดว่านี่เป็นเครื่องดื่มแอลกกอฮอลล์ก็ตาม????

กลยุทธ์การตลาด : 2 / 5 คะแนน
ราคาหนักไปสำหรับน้ำอัดลม 1 ขวด และที่สำคัญหาซื้อยากมาก เพราะมีขายในห้างเครือเดอะมอลล์เท่านั้น!


ดีไซน์    :  4/5 คะแนน
หรูหราไฮโซในขวดแก้วใส และเก๋ไก๋สุดพลังตรงซิลปากขวดคล้ายเครื่องดื่มประเภท WINE COOLER


รสชาติ  :  4/5คะแนน
เพียงเปิดจุกขวด กลิ่นไอของแอปเปิ้ลฟุ้งกระจาย รสชาติเปรี้ยวอมหวาน- ซ่าไม่บาดคอ
ขอแนะนำอย่างแรงต้องแช่เย็นจัด ๆ รสแอปเปิ้ลจะพุ่งปรี๊ดปร๊าดกระทุ้งอุ้งปากอย่างแน่นอน

คะแนนรวม 13.5 / 20 จัดเป็นเครื่องดื่ม 3 ดาว
ผลิตโดยบริษัท บางกอกพัฒนาไวน์เนอร์รี่ จำกัด
จิบชิมดื่ม BY MADAME DRANK

วันพฤหัสบดีที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

จิบมาจิบไป : รูทเบียร์...เมามั้ย???

จิบมาจิบไป : รูทเบียร์...เมามั้ย???


รูทเบียร์ (ROOTBEER) เป็นน้ำซ่าอัดลม  มีกลิ่น และ รสชาติเป็นเอกลักษณ์ส่วนตัว
เคยสงสัยไหมว่าทำไมคำว่า BEER ถึงต้องห้อยท้ายทั้ง ๆที่ก็ไม่ใช่น้ำเมาสักกะหน่อย
มามะ...มาคลี่คลายที่มาที่ไปของน้ำดำพันธุ์พิเศษ ซึ่งมีแฟนพันธุ์แท้รักแล้วรักเลยทั่วโลกเฉียด 100 ล้านคน!!!



หากใครเป็นคอวรรณกรรมอมตะระดับโลกของ “เช็คสเปียร์”
อาจคุ้นเคยกับน้ำรูทเบียร์ เพราะเป็นดริ๊งค์เด็ดที่เหล่าตัวละครจิบดื่มตลอดเรื่อง
ซึ่งเชื่อกันว่า รูทเบียร์ ณ.ยุคนั้น คือ น้ำเมาสกัดจากสมุนไพร รสอ่อนอย่างบางเบา
อาจเรียกว่า “เบิร์ช เบียร์ (Birch Beer)”  หรือ  “ซาร์สปาริลล่า เบียร์ (Sarsparilla Beer)
หรือคุ้นหูหน่อย มันก็คือ “จินเจอร์ เบียร์ (Ginger Beer)” หมายความว่า ROOTBEER ณ.Moment นี้ คือ น้ำเมา!!




นั้นคือ จินตนาการในมหานิยายระดับ WORLD CLASS 
แต่ในความเป็นจริง ROOTBEER เกิดจากความบังเอิญของ “ชาร์ลส์ ไฮเรส” นักปรุงยาชาวฟิลาเดลเฟีย
หลังจากที่เขานำเครื่องดื่ม รูทที (ROOT TEA) คือ ชาสกัดจากรากเบอร์รี่ป่าเพื่อหวังทำเป็นสูตรยาตัวใหม่
แต่ปรากฏเติมน้ำตาล ผสมยีสต์ คลุกเคล้าสมุนไพร เขย่าไปเขย่ามาจนได้เครื่องดื่มมีกลิ่นและสีเหมือนเบียร์
แถมฟองฟูฟ่องน่าสนุก แต่รสชาติขื่นขมเหลือรับประทาน ทำให้ ROOTBEER ในยุคนั้นไม่ SUCCESS ทะลุเป้า!!!

ต่อมา "ชาร์ลส์ ไฮเรส" คนเดิมลองเติมน้ำโซดา แล้วปรับเปลี่ยนสูตรไปมาอีกหลายระรอก
จนกลายเป็น ROOTBEER รสชาติใกล้เคียงยุคปัจจุปัน  ซึ่งนั่นแหละเป็น ROOTBEER สูตรคลาสสิค
ไฮเรสหอบความฝันไปเปิดตัว ROOTBEER ในงาน Centennial Exposition@เมืองฟิลาเดลเฟียในปี 2419
ใช้สโลแกน "The Temperance Drink" และ "the Greatest Health-Giving Beverage in the World."
หรือประมาณว่า ”นี่คือ เครื่องดื่มแสนดีต่อสุขภาพในระดับโลก , ดื่มซะเพื่อความสมดุลของร่างกาย” อะไรอย่างงี้!!!

และอีก 3 ปีต่อมา....
บริษัท Cadbury Schweppes เจ้าของเครื่องดื่ม Dr. Pepper และ Seven Up
เพ่งมองกระแส ROOTBEER ตาเป็นมันส์ และ ได้ฮุบกิจการแบบเบ็ดเสร็จตราบจนทุกวันนี้!






สูตรลับ ของ เครื่องดื่มรากหรรษา!
ซึ่ง ROOTBEER สูตรออริจินัลจะอัดแน่นด้วยสมุนไพร 25 ชนิด ได้แก่..............
1.วานิลลา 2. เปลือกของต้นเชอร์รี่ 3. รากชะเอม 4. รากของต้นซาสี่ 5. เปลือกของต้น sassafras
6. ลูกจันทน์เทศ 7. ต้นแอนิซ และ กากน้ำตาล 8. เปลือกต้นไม้เรียว allspice 9. ผักชี
10. ต้นสนชนิดหนึ่ง 11. ขิง   12. Hops 13. รากหญ้าเจ้าชู้ 14. รากของดอกแดนดิไลอัน
15. spikenard 16. Pipsissewa 17.guaiacum yellow  18.dock 19. น้ำผึ้ง
20.ไม้จำพวกถั่ว 21.อบเชย 22.เปลือกของต้นหนามเถ้า 23. quillaia  24.ต้นยัคกะ
และ 25. Wintergreen Oil เป็นตัวเด็ดที่ทำให้ ROOTBEER มีกลิ่นอบอวลคล้ายน้ำมันมวย นั่นเอง



5 ยี่ห้อยอดนิยมในตลาดโลก
1) A&W
2) Stewart’s
3) Hires
4) Mug
5) Barq’s




ROOTBEER ในแดนสยาม!
ถ้าจะแสวงหารสชาติแบบ ORIGINAL ขอบอก A&W ใกล้เคียงที่สุด
เพราะยี่ห้ออื่นๆแค่เติมกลิ่น & สีให้ใกล้เคียง เช่น มิรินด้า รูทเบียร์ (หวานมากก) ซึ่งไม่ใช่ตัวจริง
แต่จะยี่ห้อไหน ของแท้ยังไงก็ต้องกระดก ROOTBEER  แช่เย็นจัดๆ  ไม่เช่นนั้นพะอืดพะอมชวนมึนงงได้เหมือนกัน!





ถ้าหากย้อนเวลากลับไป 30 ปีที่แล้ว รสชาติแบบ ROOTBEER แบบไทยๆ ต้องยกให้น้ำ “ซาสี่ ”
ซึ่งมีกลิ่นคลาสสิกมั๊กๆ บางก็ว่าเหมือนยาหม่องน้ำ หรือไม่ ก็เคาเตอร์เพน (แล้วแต่จมูกใครจมูกมัน)
แต่จะกลิ่นรุนแรงสักแค่ไหน น้ำดำยี่ห้อซาสี่ก็ฮิตติดตลาด เป็นที่ต้องการสำหรับดับกระหายตลอดๆ
กระทั่งโค้ก & เป๊ปซี่เริ่มทำตลาด ค่อยๆเขี่ย “ซาสี่ ” ให้กระเด็นตกบังลังค์กลายเป็นน้ำอัดลมในตำนาน
แต่หากเพื่อนๆอยากดื่มด่ำอารมณ์ “ซาสี่” แบบโบราณก็ยังสามารถหาจิบได้ตามงานวัด อย่าง "น้ำจรวด"นั่นไง





ปิดท้ายด้วยเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยของน้ำตระกูล  ROOTBEER
ในวงการแพทย์ได้ทำการวิจัย แล้วนั่งยันนอนยันว่า “น้ำอัดลม” สามารถกัดกร่อนสารเคลือบฟัน
ในขณะน้ำซ่าสไตส์ ROOTBEER  ปลอดภัยสบายช่องปาก(กว่าน้ำอัดลมประเภทอื่นๆ)
แต่แต่...น้องแคลลอรีก็ยังพุ่งปรี๊ด สูงกว่าน้ำอัดลมตัวอื่น ถ้าจิบทุกวันก่อนนอนรับประกัน “บวมเปล่ง”ชัวส์!!!

INFO SOURCE : tn.essortment.com / en.wikipedia.org
และ หนังสือพิมพ์ สยามรัฐ ฉบับวันที่ 9 มิ.ย. 2552
CREDIT PIX : OKNation / Nuisance Boy
ปรุงแต่งรสชาติข้อมูล BY MADAME DRANK