วันพฤหัสบดีที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

จิบมาจิบไป : รูทเบียร์...เมามั้ย???

จิบมาจิบไป : รูทเบียร์...เมามั้ย???


รูทเบียร์ (ROOTBEER) เป็นน้ำซ่าอัดลม  มีกลิ่น และ รสชาติเป็นเอกลักษณ์ส่วนตัว
เคยสงสัยไหมว่าทำไมคำว่า BEER ถึงต้องห้อยท้ายทั้ง ๆที่ก็ไม่ใช่น้ำเมาสักกะหน่อย
มามะ...มาคลี่คลายที่มาที่ไปของน้ำดำพันธุ์พิเศษ ซึ่งมีแฟนพันธุ์แท้รักแล้วรักเลยทั่วโลกเฉียด 100 ล้านคน!!!



หากใครเป็นคอวรรณกรรมอมตะระดับโลกของ “เช็คสเปียร์”
อาจคุ้นเคยกับน้ำรูทเบียร์ เพราะเป็นดริ๊งค์เด็ดที่เหล่าตัวละครจิบดื่มตลอดเรื่อง
ซึ่งเชื่อกันว่า รูทเบียร์ ณ.ยุคนั้น คือ น้ำเมาสกัดจากสมุนไพร รสอ่อนอย่างบางเบา
อาจเรียกว่า “เบิร์ช เบียร์ (Birch Beer)”  หรือ  “ซาร์สปาริลล่า เบียร์ (Sarsparilla Beer)
หรือคุ้นหูหน่อย มันก็คือ “จินเจอร์ เบียร์ (Ginger Beer)” หมายความว่า ROOTBEER ณ.Moment นี้ คือ น้ำเมา!!




นั้นคือ จินตนาการในมหานิยายระดับ WORLD CLASS 
แต่ในความเป็นจริง ROOTBEER เกิดจากความบังเอิญของ “ชาร์ลส์ ไฮเรส” นักปรุงยาชาวฟิลาเดลเฟีย
หลังจากที่เขานำเครื่องดื่ม รูทที (ROOT TEA) คือ ชาสกัดจากรากเบอร์รี่ป่าเพื่อหวังทำเป็นสูตรยาตัวใหม่
แต่ปรากฏเติมน้ำตาล ผสมยีสต์ คลุกเคล้าสมุนไพร เขย่าไปเขย่ามาจนได้เครื่องดื่มมีกลิ่นและสีเหมือนเบียร์
แถมฟองฟูฟ่องน่าสนุก แต่รสชาติขื่นขมเหลือรับประทาน ทำให้ ROOTBEER ในยุคนั้นไม่ SUCCESS ทะลุเป้า!!!

ต่อมา "ชาร์ลส์ ไฮเรส" คนเดิมลองเติมน้ำโซดา แล้วปรับเปลี่ยนสูตรไปมาอีกหลายระรอก
จนกลายเป็น ROOTBEER รสชาติใกล้เคียงยุคปัจจุปัน  ซึ่งนั่นแหละเป็น ROOTBEER สูตรคลาสสิค
ไฮเรสหอบความฝันไปเปิดตัว ROOTBEER ในงาน Centennial Exposition@เมืองฟิลาเดลเฟียในปี 2419
ใช้สโลแกน "The Temperance Drink" และ "the Greatest Health-Giving Beverage in the World."
หรือประมาณว่า ”นี่คือ เครื่องดื่มแสนดีต่อสุขภาพในระดับโลก , ดื่มซะเพื่อความสมดุลของร่างกาย” อะไรอย่างงี้!!!

และอีก 3 ปีต่อมา....
บริษัท Cadbury Schweppes เจ้าของเครื่องดื่ม Dr. Pepper และ Seven Up
เพ่งมองกระแส ROOTBEER ตาเป็นมันส์ และ ได้ฮุบกิจการแบบเบ็ดเสร็จตราบจนทุกวันนี้!






สูตรลับ ของ เครื่องดื่มรากหรรษา!
ซึ่ง ROOTBEER สูตรออริจินัลจะอัดแน่นด้วยสมุนไพร 25 ชนิด ได้แก่..............
1.วานิลลา 2. เปลือกของต้นเชอร์รี่ 3. รากชะเอม 4. รากของต้นซาสี่ 5. เปลือกของต้น sassafras
6. ลูกจันทน์เทศ 7. ต้นแอนิซ และ กากน้ำตาล 8. เปลือกต้นไม้เรียว allspice 9. ผักชี
10. ต้นสนชนิดหนึ่ง 11. ขิง   12. Hops 13. รากหญ้าเจ้าชู้ 14. รากของดอกแดนดิไลอัน
15. spikenard 16. Pipsissewa 17.guaiacum yellow  18.dock 19. น้ำผึ้ง
20.ไม้จำพวกถั่ว 21.อบเชย 22.เปลือกของต้นหนามเถ้า 23. quillaia  24.ต้นยัคกะ
และ 25. Wintergreen Oil เป็นตัวเด็ดที่ทำให้ ROOTBEER มีกลิ่นอบอวลคล้ายน้ำมันมวย นั่นเอง



5 ยี่ห้อยอดนิยมในตลาดโลก
1) A&W
2) Stewart’s
3) Hires
4) Mug
5) Barq’s




ROOTBEER ในแดนสยาม!
ถ้าจะแสวงหารสชาติแบบ ORIGINAL ขอบอก A&W ใกล้เคียงที่สุด
เพราะยี่ห้ออื่นๆแค่เติมกลิ่น & สีให้ใกล้เคียง เช่น มิรินด้า รูทเบียร์ (หวานมากก) ซึ่งไม่ใช่ตัวจริง
แต่จะยี่ห้อไหน ของแท้ยังไงก็ต้องกระดก ROOTBEER  แช่เย็นจัดๆ  ไม่เช่นนั้นพะอืดพะอมชวนมึนงงได้เหมือนกัน!





ถ้าหากย้อนเวลากลับไป 30 ปีที่แล้ว รสชาติแบบ ROOTBEER แบบไทยๆ ต้องยกให้น้ำ “ซาสี่ ”
ซึ่งมีกลิ่นคลาสสิกมั๊กๆ บางก็ว่าเหมือนยาหม่องน้ำ หรือไม่ ก็เคาเตอร์เพน (แล้วแต่จมูกใครจมูกมัน)
แต่จะกลิ่นรุนแรงสักแค่ไหน น้ำดำยี่ห้อซาสี่ก็ฮิตติดตลาด เป็นที่ต้องการสำหรับดับกระหายตลอดๆ
กระทั่งโค้ก & เป๊ปซี่เริ่มทำตลาด ค่อยๆเขี่ย “ซาสี่ ” ให้กระเด็นตกบังลังค์กลายเป็นน้ำอัดลมในตำนาน
แต่หากเพื่อนๆอยากดื่มด่ำอารมณ์ “ซาสี่” แบบโบราณก็ยังสามารถหาจิบได้ตามงานวัด อย่าง "น้ำจรวด"นั่นไง





ปิดท้ายด้วยเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยของน้ำตระกูล  ROOTBEER
ในวงการแพทย์ได้ทำการวิจัย แล้วนั่งยันนอนยันว่า “น้ำอัดลม” สามารถกัดกร่อนสารเคลือบฟัน
ในขณะน้ำซ่าสไตส์ ROOTBEER  ปลอดภัยสบายช่องปาก(กว่าน้ำอัดลมประเภทอื่นๆ)
แต่แต่...น้องแคลลอรีก็ยังพุ่งปรี๊ด สูงกว่าน้ำอัดลมตัวอื่น ถ้าจิบทุกวันก่อนนอนรับประกัน “บวมเปล่ง”ชัวส์!!!

INFO SOURCE : tn.essortment.com / en.wikipedia.org
และ หนังสือพิมพ์ สยามรัฐ ฉบับวันที่ 9 มิ.ย. 2552
CREDIT PIX : OKNation / Nuisance Boy
ปรุงแต่งรสชาติข้อมูล BY MADAME DRANK








1 ความคิดเห็น:

  1. ซาสี่ มันของมาเลย์ ไม่ใช่เหรอครับ ... เป็นน้ำที่หายไปพร้อมกับคิกกาปุ้ คิกกาปุ้ ก็ของมาเลย์

    ตอบลบ